หมวดหมู่: สาระน่ารู้
อะโวคาโด พืชเศรษฐกิจหลักบนพื้นที่สูง
- อะโวคาโดได้รับความนิยมมากในกลุ่มคนรักสุขภาพ เพราะมีประโยชน์ทางโภชณาการสูง อีกทั้งปัจจุบันยังถูกจัดเป็นไม้ผลเศรษฐกิจสำคัญที่ กรมส่งเสริมการเกษตร ส่งเสริมให้เกษตรกรบนพื้นที่สูงปลูกเป็นอาชีพอีกด้วย
แล้วอะโวคาโด ที่นิยมปลูกมีพันธุ์อะไรบ้าง ต้องปลูกอย่างไร
ถ้ามีข้อสงสัยปรึกษาใครได้บ้าง ที่นี่มีคำตอบ
ข้อแนะนำการดูแลองุ่น
การผลิตชารางจืด
สมุนไพรประจำบ้าน
Avocado
อาโวคาโด (Avocado)
ชื่อสามัญ Avocado
ชื่อวิทยาศาสตร์ Persea americana Miller
ชื่อวงศ์ LAURACEAE
อาโวคาโดเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดกลางเปลือกต้นมีสีน้ำตาลอ่อน ผิวขรุขระ ใบสีเขียวสด สากมือ
ดอกขนาดเล็กสีเขียวอมเหลือง ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ผลเป็นทรงกลมรี หรือ ลักษณะทรงหยดน้ำ
เนื้อมีสีเหลืองอ่อนถึงเหลืองเข้ม รสมัน เนื้อละเอียด มีเมล็ดเดี่ยว
อาโวคาโดแบ่งเป็น 3 เผ่าคือ
+ เผ่ากัวเตมาลา ผลสีเขียว ขั้วผลขรุขระ เมล็ดเรียบเล็กค่อนข้างกลม เนื้อหนา ไขมันสูง ชอบอากาศหนาวเย็นปานกลาง
+ เผ่าอินดีสตะวันตก ผิวผลเรียบเป็นมัน สีเขียวอมเหลือง เปลือกหนา เมล็ดอยู่ในโพรงเมล็ดอย่างหลวม ๆ
รสหวานอ่อน ไขมันน้อย ชอบอากาศร้อน
+ เผ่าเม็กซิโก ผลเล็กเรียบ เมื่อแก่สีม่วง เปลือกบางกว่าอีก 2 เผ่า เปลือกหุ้มเมล็ดบาง เมล็ดใหญ่อยู่ในโพรงเมล็ดอย่างหลวม ๆ
มีไขมันมากที่สุด ทนอากาศเย็นได้ดีที่สุด
วิธีปลูก : นิยมปลูก 2 วิธี คือ
1. การปลูกโดยใช้ต้นกล้าพันธุ์ดีที่ทำการเปลี่ยนยอดในโรงเรือนเรียบร้อยแล้ว
ลงหลุมปลูกให้ระดับดินของปากถุงเดิมสูงกว่าระดับดินของปากหลุมเล็กน้อย กลบดินให้เต็มปากหลุม กดให้แน่พอสมควร
วิธีการนี้มีต้นทุนที่สูง นิยมใช้ในการปลูกเชิงพาณิชย์ เนื่องจากจะได้ต้นที่มีความสม่ำเสมอ แข็งแรง
โดยใช้ต้นพันธุ์อาโวคาโดที่มีอายุประมาณ 8–12เดือน มีความสูงอย่างน้อย 60 เซนติเมตร
และให้พูนดินบริเวณโคนต้นให้สูงขึ้นมาเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำขัง นำไม้หลักมาปักแนวเฉียงเพื่อยึดล้าต้นไม่ให้โค่นล้ม
พร้อมมัดเชือกฟางเป็นรูปเลข 8 เพื่อไม่ให้ต้นพันธุ์เสียดสีกับไม้ปักจนมีรอยถลอกได้แล้ว รดน้ำทันที
2. การปลูกโดย ใช้เมล็ดปลูกเป็นต้นตอในแปลง แล้วเปลี่ยนยอดพันธุ์ดีเมื่ออายุ 2 ปี ในช่วงปลายฤดูฝน เมื่อลำต้นมีความสูง
ประมาณ 1 เมตร ล้ำต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5 เซนติเมตร หลังจัดทรงพุ่มแล้ว ซึ่งการดูแลค่อนข้างยุ่งยากในปีแรก
วิธีการนี้จะมีต้นทุนการผลิตต่ำ แต่มีโอกาสถูกเชื้อราเข้าทำลายบริเวณรอยแผลในภายหลังได้ง่าย
ควรมีการคลุมโคนต้นด้วยฟางข้าวหรือเศษหญ้าแห้งในฤดูแล้ง เพื่อรักษาความชื้น และให้น้ำสม่ำเสมอ ระวังอย่าให้ น้ำแฉะ
การผสมเกสรของอาโวคาโด :
โดยปกติ ดอกของอาโวคาโดเมื่อบานครั้งแรกจะยังไม่พร้อมผสมพันธุ์ แต่จะพร้อมผสมพันธุ์เมื่อบานครั้งที่ 2
เราสามารถแบ่งสายพันธุ์ อาโวคาโด ได้เป็น 2 กลุ่มตามลักษณะการบานของดอกดังนี้
กลุ่ม A : มีการบานของดอกคือจะบานครั้งแรกในตอนเช้า เกสรตัวเมียนั้นพร้อมรับละอองเกสร
แต่ตัวเกสรตัวผู้นั้นไม่พร้อมผสม ดอกจะหุบในตอนเที่ยงและบานอีกครั้งในในตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น
เกสรตัวผู้และตัวเมียจึงพร้อมผสม ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 30 ชั่วโมง (ค่อนข้างนาน)
ทำให้อาโวกาโดในกลุ่มนี้จึงติดผลยากได้แก่ พันธุ์แฮส (Hass) ปีเตอร์สัน (Peterson) ลูล่า(Lula)
มอนโร(Monroe) ปากช่อง 1-14 ปากช่อง 2-4 ปากช่อง 2-6 เป็นต้น
กลุ่ม B : มีการบานของดอกคือจะบานครั้งแรกในตอนบ่าย เกสรตัวเมียนั้นพร้อมรับละอองเกสร
แต่ตัวเกสรตัวผู้นั้นไม่พร้อมผสม และดอกจะบานอีกครั้งในในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เกสรตัวผู้และตัวเมียจึงพร้อมผสม
ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 12 ชั่วโมง ทําให้อะโวกาโดในกลุ่มนี้จึงติด ผลได้ค่อนข้าง ดีกว่า
ได้แก่ พันธุ์ บัคคาเนีย (Buccanaer) บูธ 7 (Booth 7) บูธ 8 (Booth 8) เฟอร์เต้ (Fuerte) ฮอล (Hall)
รูเฮิล (Ruehle) ปากช่อง 2-8 ปากช่อง 2-5 ปากช่อง3-3 เป็นต้น
หากต้องการเพิ่มการติดผลของอาโวคาโด โดยเฉพาะสายพันธุ์กลุ่ม A ควรปลูก พันธุ์กลุ่ม A ร่วมกับกลุ่ม B
โดยการผสมพันธุ์ในต้นเดียวกันจะใช้ลมเป็นหลัก ส่วนการผสมข้ามต้นจะใช้แมลง เช่นผึ้ง มดตะนอย เป็นหลัก